ประวัติผู้จัดการทีม เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือแห่งทีม จิ้งจอกสยาม เลสเตอร์ ซิตี้

ประวัติผู้จัดการทีม เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือจอมเก๋า กับบัลลังก์ใหม่สุดร้อนแรงแห่ง จิ้งจอกสยาม เลสเตอร์ ซิตี้

ประวัติผู้จัดการทีม เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือทีม จิ้งจอกสยาม เลสเตอร์ ซิตี้ วัย 48 ปี สัญชาติ ไอร์แลนด์เหนือ ที่แฟนๆ ของ เลสเตอร์ ซิตี้ กำลังเป็นกังวลกับการฟอร์มการคุมทีมของเขาในช่วงนี้ ด้วยฟอร์มการเล่นของทีมที่ค่อนข้างติดๆ ขัดๆ พร้อมกับข่าวลือต่างๆ เกี่ยวกับกุนซือชาวไอร์แลนด์เหนือ ที่มีเข้ามามากมาย

อาจเป็นส่วนหนึ่ง หรือปัจจัยที่ทำให้ เลสเตอร์ ซิตี้ หลุดฟอร์มไปในหลายๆ เกมส์ เลสเตอร์ ซิตี้ หรือฉายา จิ้งจอกสยาม ที่คนไทยรู้จักกัน เลื่อนชั้นขึ้นมาจาก เดอะ แชมเปี้ยนชิพ สู่ พรีเมียร์ลีกอังกฤษ เมื่อปี 2014 และสร้างเซอร์ไพรซ์ให้กับแฟนๆ ของเลสเตอร์ด้วยการคว้า แชมป์ฟุตบอล พรีเมียร์ลีกฯ เป็นครั้งแรกของประวัติศาตร์สโมสรเมื่อฤดูกาล 2015/2016

ประวัติผู้จัดการทีม

พร้อมทั้งได้ไปโลดแล่น ในฟุตบอลถ้วยสโมสรยุโปอย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ภายได้การคุมทีมของ เคลาดิโอ รานิเอรี่ กุนซือชาวอิตาเลี่ยน คนเก่าที่เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมในขณะนั้น ในส่วนของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เองนั้น เขาเข้ามารับงานต่อจาก ฌอง-โคล้ด ปูแอล ที่เข้ามาคุมทีมแทน รานิเอรี่

เมื่อปี 2017 ถึง กุมภาพันธ์ ปี 2019 ด้วยผลงานที่ไม่ดีนักจึงถูกปลดออกไป ร็อดเจอร์ส ได้เซ็นสัญญาเป็นผู้จัดการทีมกับ เลสเตอร์ ซิตี้ และจะหมดสัญญาลงใน มิถุนายน 2022 ที่จะถึงนี้ ด้วยประสบการณ์ของ ร็อดเจอร์ส บวกกับผลงานที่ค่อนข้างดี

และเขาได้พาทีม จิ้งจอกสยาม เลสเตอร์ ซิตี้ สร้างบิ๊กเซอร์ไพรส์ ด้วยการคว้า แชมป์ เอฟ เอ คัพ เป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์สโมสรในรอบ 137 ปี เมื่อเดือน พฤษภาคม 2021 ที่ผ่านมา ทำให้ ร็อดเจอร์ส ยังคงได้รับความไว้ให้คุมทีมลุยฟุตบอลพรีเมียร์ลีกฯ ต่อไปในฤดูกาล

ฟอร์มการเล่นของ จิ้งจอกสยาม ในซีซั่นนี้ ภายใต้การนำทัพของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส

เลสเตอร์ ซิตี้ ออกสตาร์ทพรีเมียร์ลีกฯ ในฤดูกาลนี้อยู่ในระดับกลางๆ ไม่ได้แย่อะไรมากมาย แต่ก็ไม่ได้ดีจนเกินไปนัก อาจเป็นเพราะตัวของ ร็อดเจอร์ส เองนั้น อาจมีความกังวลที่ เลสเตอร์ ซิตี้ ต้องไปทำศึกในฟุตบอล ยูฟ่า ยูโรปา ลีก ด้วย จึงทำให้ฟอร์มในการเล่นในพรีเมียร์ลีกฯ มีแผ่วๆ ไปบ้าง

แต่กระนั้นในถ้วย ยูฟ่า ยูโรปา ลีก รอบแบ่งกลุ่ม เลสเตอร์ ซิตี้ ก็ทำผลงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร โดย เลสเตอร์ ซิตี้ อยู่ในกลุ่ม C ร่วมกับ สปาตัก มอสโคว์, นาโปลี และ ลีเกีย วอร์ซอว์ ซึ่งออกสตาร์ท นัดแรกในรอบแบ่งกลุ่ม ยูโรปา ลีก ด้วยการเปิดสนาม คิงส์เพาเวอร์ สเตเดี้ยม เสมอกับ นาโปลี ไป 2-2

ประวัติผู้จัดการทีม

แถมนัดที่สองก็ยังบุกไปแพ้ ลีเกีย วอร์ซอว์ 1-0 พวกเขาเกือบเอาตัวไม่รอดในนัดที่สาม ด้วยการบุกไปเชือด สปาตัก มอสโคว์ 4-3 และในเกมส์นัดที่ 6 เกมส์สุดท้ายศึก ยูโรปา ลีก ที่เป็นเกมส์ชี้ชะตาว่า เลสเตอร์ ซิตี้ จะได้ไปต่อในถ้วยนี้หรือไม่ ด้วยการบุกไปเยือน นาโปลี

และก็เป็น นาโปลี เองที่เบียดชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ ไป 3-2 เขี่ย เลสเตอร์ ซิตี้ ตกรอบไปในที่สุด จากศึก ยูโรปา ลีก ส่งผลให้ผลงานในพรีเมียร์ลีกฯ ค่อนข้างแย่ไปตามๆ กัน โดยในขณะนี้ เก็บชัยชนะเพียง 7 เกมส์ เสมอไป 4 และไปถึง 7 เกมส์ และล่าสุดก็เพิ่งถูก หงส์แดง ลิเวอร์พูล เขี่ยตกรอบจากฟุตบอล คาราบาว คัพ

ทั้งๆ ที่พวกเขาออกนำทีม หงส์แดง ลิเวอร์พูล ในครึ่งแรกก่อน 3-1 แต่สุดท้ายก็มาโดนไล่ตีเสมอในนาทีสุดท้าย 3-3 และแพ้การดวลจุดโทษ จนตกรอบไปในที่สุด ทำให้แฟนๆ ของ เลสเตอร์ ซิตี้ ตั้งคำถามขึ้นมาว่ามันเกิดอะไรขึ้น กับฟอร์มในการคุมทีมของผู้จัดการทีมชาวไอซ์แลนด์เหนือคนนี้

ประวัติผู้จัดการทีม ข่าวลือต่างๆ ที่ส่งผลกระทบ ต่อการควบคุมทีม จิ้งจอกสยาม

ในช่วงที่ผ่านมา หลังจากที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปลด โอเล่ กุนนา โซลชา ออกจากการคุมทีม ก็มีข่าวลือหนาหูถึงการดึง ร็อดเจอร์ส กุนซือวัย 48 ปี คนนี้ เข้าไปเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ในถิ่น โอลด์แทรฟฟอร์ด ซึ่งเขาสร้างความประทับใจไม่น้อยเมื่อซีซั่นที่แล้ว

อีกทั้งก่อนหน้านี้ยังมีข่าวลือว่า ตัวเขาเองนั้น ก็ถูกทาบทามจากทีม สาลิกาดง นิวคาสเซิ่ล ที่ในขณะนั้นเพิ่งเปลี่ยนกลุ่มผู้บริหารใหม่ และมีเงินทุนมากมายคอยสนับสนุน แต่ ร็อดเจอร์ส ก็ออกมาปฏิเสธเรื่องข่าวลือกับ นิวคาสเซิ่ล แบบทันควัน

จากนั้นก็มาชี้แจงข่าวลือกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เหมือนกับแอบแง้มประตูไว้แบบนิดๆ หน่อยๆ แต่ถ้าลองสังเกตดีๆ ตั้งแต่มีข่าวลือดังกล่าว ฟอร์มของพลพรรคจิ้งจอกสยาม ก็แผ่วลงแบบใจหายเช่นกัน และมีคำถามตามว่าข่าวลือพวกนั้น มีผลต่อความรู้สึกของกุนซือคนนี้มากน้อยแค่ไหน

ประวัติผู้จัดการทีม อนาคตที่ยังไม่แน่ชัด ในถิ่น คิงส์เพาเวอร์ สเตเดี้ยม

ประวัติผู้จัดการทีม

เขาเองออกมากล่าวว่า สถานการณ์ปัจจุบันของเขากับสโมสรยังคงดีเหมือนเดิม ไม่มีปัญหากับการทำงานร่วมกับบอร์ดบริหารแต่อย่างใด อีกทั้งความสัมพันธ์ยังคงแนบแน่นกับนักฟุตบอลในทีมเช่นเคย และแฟนบอลก็ยังคงให้ความสนับสนุน หลังจากที่ตกรอบบอลถ้วยไปทั้ง 2 รายการแล้ว สิ่งที่เขาต้องโฟกัสต่อไปคือการพา เลสเตอร์ ซิตี้ ฟื้นขึ้นมาจากสถานะการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

และเดินหน้าพาทีมไ ปจบในกลุ่มหัวตารางคะแนนก่อนจบซีซั่น รวมถึงการลงป้องกันแชมป์ เอฟ เอ คัพ ที่กำลังจะมาถึงแฟนๆ จิ้งจอกสยาม ก็ยังคงต้องดูกันต่อไปว่ากุนซือชาวไอซ์แลนด์เหนือคนนี้ จะพาทีมไปได้อย่างที่หวังไว้หรือไม่ เพราะมีบางคนได้สังเกตุเห็นแล้วว่า เก้าอี้ผู้จัดทีมของเขาเริ่มจะลุกเป็นไฟแล้ว ทั้งนี้สามารถติดตาม และรับฟังเรื่องราวดีๆ ได้ใน บทความกีฬาที่น่าสนใจ

“Jake Sully”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *